วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

เราเป็นคนชั่วร้ายไปรึเปล่า

ก็แค่เห็นคนลอกโพยในห้องสอบ
ก็แค่ไปบอกอาจารย์
ก็แค่นี้ มันแรงเกินไปเหรอเนี้ย

ก็วันพุธที่แล้ว มีรายงานต้องส่งตอนเก้าโมง แล้วสอบตอนสี่โมงเย็น

มีส่งไม่กี่กลุ่มแต่ก็มีเรารวมอยู่หนึ่งในนั้น ฉะนั้นรายงานเสร็จตอนเจ็ดโมงเช้า

ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ ก็รับสภาพว่าบริหารเวลาไม่ดีเอง

แต่พอสอบคนนั่งข้างๆ เล่นเอาโพยเข้าห้องแบบว่า ปริ้นท์มาอย่างดี

มีประมาณ 10 กว่าแผ่นมั้ง เล็กเท่านามบัตร

ก็บอกอาจารย์ไป ก็เท่านั้นเอง

มีทั้งคนที่ชอบ ที่กล้าบอก และคนที่เห็นใจเพื่อน ว่าเด๋วจะทำให้เพื่อนได้เอฟ

แล้วคนคนนี้ ไม่เคยเข้าเรียน รายงานยังไม่ถึงเวลาส่ง สมควรเอาโพยเข้ามั๊ยเนี้ย

เฮ้อออออออออออออ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ว่างได้สักที (มั้ง)

ผ่านมาสามอาทิตย์กว่าๆ กับการฝืนใจดูหนังสือ สอบแบบไม่มีเว้น วันนี้ก็อิสระซะที

อาทิตย์นี้จะกลับบ้านนนนนน

วันนี้จะนอนนนนนนนนนนน แบบไม่เบลอสักวัน

ช่วงนี้ถ้ามีงีบระหว่างอ่านหนังสือ มันจะกลับกลายเป็นว่าหลับไป ฝันไป

ว่ากะลังอ่านหนังสือ เป็นเรื่องเป็นราวมากมาย พอตื่นมา ก็แบบงง

เมื่อกี๊เราอ่านจนหลับ หรือ เราหลับแล้วค่อยอ่านกันแน่

งีบทีไรเรยเหมือนไม่ค่อยได้นอนจริงจังสักที

ปล.ถึงแม้ค่าไฟจะพุ่งเกินเหตุ แต่คืนจะขอเปิดแอร์นอนให้สบายสักวันล่ะกันนะ

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

ดำน้ำแบบไม่ได้ตั้งใจ@เกาะแสมสาร

เจ็ดชีวิตกับรถหนึ่งคัน ตั้งใจจะไปเกาะขาม ที่สัตหีบบึ่งรถกันไปสุดฤทธิ์

ไม่ค่อยมีภาพเท่าไหร่ เพราะวันนี้รับหน้าที่ขับ ทั้งๆที่ไม่รู้ทาง

ข้อมูลที่ได้คือ เรือออก 9 โมง ไปถึงกันอย่างเฉียดฉิว8.54

แต่พอทางเข้า พลทหารบอกว่า"วันธรรมดาไม่มีเรือออกคับ ให้มาใหม่พรุ่งนี้ล่ะกัน"

พูดง่ายเนอะ หันหัวรถกลับกันอย่างห่อเหี่ยว คงได้ไปแค่นั่งเล่นที่หาดนางรำซะมั้ง

แต่ขับออกมาได้หน่อยนึกขึ้นได้ว่า ข้างๆกรมทหารมีพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ มีดำน้ำเหมือนกัน

สอบถามมาได้ความว่า ไปดำน้ำที่เกาะแสมสาร ค่าข้ามฟากรวมค่าดำน้ำด้วย 200

แต่ถ้าเช่าสน็อกเกิ้ล อีก 50 บาท ถูกมั๊ย ก็น่าจะถูกเพราะเคยไปที่เกาะช้าง มัน 600

ก็เลยลองดูล่ะกัน แต่ด้วยความหิวโหย และระหว่างทางไม่มีร้านอาหารเลย

ก็ต้องฝากท้องที่ ร้านในนั้น 30 บาท ถือว่าไม่แพง กินได้ สั่งเสบียง กันคนล่ะสองกล่อง

น้ำอีก 1 โหล คิดว่าจะเหลือแต่ผิดคาดหมดเกลี้ยง ถีงเวลาข้ามไปเกาะ นั่งรอที่หน้าประชาสัมพันธ์

ก็จะมีรถสองแถวมารับไปที่ท่าเรือ ถึงที่ท่าเห็นเรือข้ามฟากแล้วสยองจิง

มันคือเรือยาง จะไปกันยังไงเนี้ย แต่ก็ข้ามด้วยความปลอดภัย

มาถึงมนุษย์กบบอกให้จัดการเสบียงก่อน ถ้ากินแล้วไปดำน้ำเลย

มันจะกลายเป็นอาหารปลา พี่ๆบนเกาะ คือ หน่วย ซีล มีการอบรบให้

ความรู้เบื้องค้นทั่วๆไปแล้วก็สอนวิธีใช้สน็อกเกิ้ล จากนั้นก็ลงน้ำกัน

ฝึกกันที่ตื้นๆก่อน ทีแรกคิดว่ามันคงยากมั้ง แต่ก็พอลองทำไป มันง่ายดี

แต่จะเหนื่อยครงหายใจทางปากด้วย แถมว่ายน้ำด้วย หอบแฮ่กเรย

ก่อนจะลงเรือ เจ้าหน้าที่ถามว่า ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้าง ยกมือกันใหญ่

เรยต้องเกณฑ์มนุษย์กบไปทั้งหมด 4 คน เพื่อช่วยดูแลสาวๆบนเรือยาง

ลำเดิม นั่งไปเกือบจะสุกได้ที่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง สวมเสื้อชูชีพกัน

คนละตัว ถึงที่โดดเลย พี่ๆเจ้าหน้าทีพาลุยนำก่อน จิงๆก็ต้องว่ายๆกันเอง

ตีขาก็ยังดี แต่รุ่นนี้แร้วเกรงว่าจะลมจับ เลยเกาะกันเป็นพรวน

เจ้าหน้าที่ 1 คน ต้องลาก อีก 4 ชีวิต สามารถจิงๆ แถมทุกคนพร้อมใจกัน

ลอยอืดไม่ช่วยดีขากันสักนิด ก้มหน้าก้มตาดู จุดแรก ดำลงดู แถมจะหดขา

กันทันที เพราะมันมีแต่หอยเม่น ยังกะดงหอยเม่น เห็นแล้วสยอง

น้ำอาจจะไม่ใสชัดเหมือนทะเลภาคใต้ แต่ในราคาแบบนี้ถือว่าคุ้ม

ปะการังโต๊ะ หรืออะไรสักอย่างใหญ่มาก คือไม่คิดว่าจะได้เห็นเยอะแบบนี้

แต่ปะการังอุดมสมบูรณ์จิงๆ มีหอยมือเสือ เม่นแต่งตัว แล้วก็ปลาสลิดลาย

ปลานกขุนทอง แล้วก็อีกหลายชื่อที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาฟัง

จิงๆที่เห็นใต้ทะเลคงมีเยอะกว่านี้แต่เนื่องจาก สายตาอันสั้น

ทำให้เห็นได้ไม่ค่อยชัด เกรงใจเจ้าหน้าที่จิงๆ เพราะพี่เค้าก็เก่งเนอะ

ลากกันไปเป็นแถว อีกที่คือไปดู นีโม่ แล้วก็ปะการัง สีม่วงๆ สวยๆ

แต่ชักจะไม่ไหวแล้วน้ำเริ่มเข้าในแว่นเข้าจมูก ขอพักยกก่อน

ระยะเวลาที่ใช้ประมาณสัก 2-3 ชั่วโมงได้ จิงๆถ้าไหวกันพี่ๆเค้า

ก็คงจะพาไปอีก ติดไว้ก่อนล่ะกัน

ถือได้ว่าเป็นที่แนะนำเลย อยากให้ลองไปดูกัน อยู่แค่ สัตหีบไม่ไกล

เมื่อก่อนไม่เปิดให้ประชาชนขึ้นเกาะแด่เพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆ ร้อนแบบนี้

ไม่ไกลจากกรุงเทพลองมาดูกัน ส่วนของพิพิธภัณฑ์ ยังไม่ได้เข้าไป

ดูว่าเป็นยังไง โม้ไว้เยอะแร้ว ไปดูรูปล่ะกัน
ปล.อย่าคาดหวังว่ารูปจะเยอะและสวย เพราะไปจกจากกล้องคนอื่นมา
มีแค่นี้เท่านั้น







































































วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

เจ็บพอทนได้

"เจ็บพอทนได้"คือประโยคแรกที่แม่บอก ก่อนที่จะเสริมสวย
เนื่องจากที่ทำงานแม่ เอาเครื่องมาลงใหม่ อยู่ในช่วงโปรโมชั่น
ราคาเท่าที่รู้ จากหลักหมื่น เหลือ หลักร้อย ก็เลยลองซะหน่อย
นั่นก็คือ "เลเซอร์กระชับรูขุมขนบนใบหน้า รอยแผลเป็นจากสิว และ อีสุกอีกใส"
เค้าว่ากันอย่างนั้น ตอนแรกแค่จะให้หมอดูว่าหนังหน้าทำได้มั๊ย
สรุปว่าได้ เพราะว่าหน้าหนาอะนะ
ขึ้นไปนอนบนเตียงเริ่มจาก
เอาท่อที่มีอากาศเย็นนนมาเป่าที่หน้า ก็สบายๆดี คิดว่าคงไม่มีอะไร
แต่พอสักพักมีอะไรสักอย่างมาตี๊ดดดที่หน้า มองไม่เห็นเพราะเค้าปิดตา
"โอเคมั๊ยค่ะ"
ตอบไม่ถูกเพราะว่ามันก็เจ็บ แต่ไหนๆแม่บอกว่าเจ็บทนได้เลยตอบว่า "ได้ค่ะ"
แต่พอทำไปได้สักพักถึงรู้ว่า คิดผิด เพราะมันเจ็บ ทนได้นะ แต่น้ำตาซึม
ยังจะแถมให้อีก เด๋วจะทำตรงแผลเป็นให้เยอะๆนะคะ
ในใจเศร้าสุดๆๆ ไม่ต้องแถมก็ได้เกรงใจ เพราะยิ่งแถมก็ยิ่งเน้น มันเจ็บนะนั่น
สุดท้ายเสร็จจนได้ ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มานั่งประคบเย็นให้มันหายเจ็บ
รอไปเหอะ ยังไม่หายสักที จิงๆต้องทำซ้ำอีก2-3 ครั้งถึงจะโอเค
แต่ทว่า ระหว่างนั่งประคบยืนยันเด็ดขาดว่าไม่เอา ขอไม่สวยล่ะกัน
แต่วันนี้มาคิดๆดูมันก็เจ็บทนได้นะ อีกอย่างแผลเป็นอีสุกอีใส มันก็เกือบหายจิงๆ
ขอไปตัดสินใจก่อนว่าจะเจ็บทนได้ต่อไปดีรึเปล่า
แต่มันไม่ยุติธรรมก็ตอนที่พ่อทำ เค้าทายาชาให้ แต่ตอนไปทำ ทำสดๆซะงั้น เฮ้อออ

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

เพื่อนสมัยประถมได้เล่นหนังกะเค้าด้วย

วันนี้ฤกษ์ดี ได้ไปดูหนัง ตั้งแต่อยู่มาได้ 2 ปีเนี้ย เพิ่งจะได้ไปดู พอตอนซื้อตั๋ว
แอบงง ราคาแค่ 60 เองเหรอเนี้ย รู้งี้มาดูตั้งนานแร้ว
ตอนแรกซื้อตั๋วกะว่าจะไปเดินเล่นแป๊ปนึง แต่สังเกตได้ว่า
ตอนขึ้นเนี้ย เค้าอันเชิญ มีบันไดเลื่อน แต่ตอนลง ตัวใคร ตัวมัน เดินเอาเอง
ก็เลยปักหลักอยู่ที่เดิม เดินดู cut out หนัง (เค้าเรียกแบบนี้ปะ)
เดินดูไปเจอเรื่อ อนึ่งฯ เอ๊ะทำไมคนนี้หน้าคุ้นๆเนี้ย ยืนจ้องไปจ้องมา
ที่แท้ก็เพื่อนสมัยประถม ยืนโชว์เดี่ยวอยู่ เพราะในรูปจะมีผู้หญิง 5 คน
3คน เค้าเกาะกลุ่มกัน นั่นล่ะเลยยืนโชว์เดี่ยวอยู่ ไม่รวมก้อยนะ
พอได้ดูตัวอย่างหนังก็คิดกะว่าจะไปดูซะหน่อย
จริงๆก็พอรู้มาบ้างว่าเคยเล่นละคร เป็นดารารับเชิญ กะถ่ายแบบ
เห่อๆ วันนี้เถลไถลมาทั้งวันแระ พรุ่งนี้ต้องอ่านหนังสือต่อ
สองสามวันมานี้เก็บผ้าซักซะเบื่อ เนื่องจากตอนสอบไม่ได้ซักผ้า
เกือบๆจะสามอาทิตย์ เน่าได้อีก
ปล. มีแต่เพื่อนอยากจะให้พาไปงาน pattaya music
แต่เจ้าบ้านขี้เกียจจะแย่ โอยย จะมากันทำไมคนเยอะจะตายยย

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

ลาก่อนคุณ แอนโทนี่ กิ๊ดเดนท์

สอบเสร็จแล้ววววว วิชา แนวคิดและทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ พอๆๆไม่อ่านแร้ว
อ่านวิชานี้ทีไรเหมือนโง่ภาษาไทย ยกตัวอย่างเช่น ความรู้คืออำนาจ เพราะอะไร
อธิบายจับใจความได้ว่า เบื้องหลังความรู้คือ ความต้องการที่จะมีอำนาจ แค่นั้นเท่านั้น
แล้วแบบนี้ 10 คะแนน จะเขียนอารายดี เล่นตอบมาง่ายๆ
ไม่มีเหตุผลและทีมาที่ไปแค่อยากจะบอกแบบเนี้ย อารมณ์นั้น
โดยเฉพาะ คุณ แอนโทนี่ กิ๊ดเดนท์ ไม่รู้แม่ให้กินไร ฉลาดเหลือเกิน แต่ละประเด็น
คิดมาได้ ไม่ต้องคิดมากก็ได้มั้ง
เมื่อก่อนตอนเรียนเลข รู้สึกว่า นะ ปิทาโกรัส เกิดมาไมเนี้ย สร้างความปวดหัวให้กับคนรุ่นหลัง
แต่พอเจอวิชานี้ พอเหอะ คุณ ช้าค แดริดา เอมิล เดอร์ไคร์ม ไม่ต้องคิดมาก สังคมอยู่ก็ยังอยู่ได้
เป็นวิชาที่อ่านแล้วไม่ใช่ไม่จำแต่ไม่รู้จะจำตรงไหน
เมื่อคืนอ่านถึงตี 2 กว่าๆ ตื่น 6 โมงมาอ่านอีกรอบ
งีบไปตอน 7 โมง พอ 7.15 ตื่นมาอย่างงงๆว่าเมื่อกี๊
นอนหลับหรือว่าอ่านจนหลับ พอตอนหลับดันฝันว่าอ่าน อ่านแบบรู้เรื่องด้วย
ที่เนี้ยเอาใหม่ๆ จะหลับแล้วนะ หลับไป ตื่นมา 8 โมง
เริ่มสงสัยตัวเอง สรุปเมื่อกี๊หลับใช่มั๊ย ไม่ได้อ่านจนหลับไปอีก
นั่นแหละ อารมณ์นั้น
การสอบสิ้นสุด แต่ยังต้องไปสอบรามต่ออีกอาทิตย์หน้า เฮ้อออออ
ไปนอนดีกว่า

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

รวมมิตรของกิน


คล้ายสุกี้บ้านเรานั่นล่ะ แต่ของเราอร่อยกว่าเยอะ


บิมบัมบับ สะกดไม่ถูก ประมาณเนี้ยล่ะ เคยดูในหนังที่ใส่ซอสสีแดงเยอะๆ
ดูแล้วเหมือนจะเผ็ด แต่จริงๆแล้ว ไม่เผ็ดเลย



หน้าตาก่อนคลุก เป็นจานชามร้อนมาเลย




เครี่องเคียงกินกับข้างล่าง





กะทะใหญ่มาก รอให้สุกสักพักแล้วก็คลุกๆๆ จากนั้นค่อยใช้กรรไรตัดหมูให้ชิ้นเล็กๆ











ไม้จิ้มฟันกินได้ด้วย






ไก่ตุ๋นโสม หนึ่งตัว ก็อร่อยดี ยกเว้นข้าวมันเหมือนข้าวบูดอะ ใส่โชจูไปหน่อยนึงด้วย